ฟาสต์แฟชั่น ดันขยะสิ่งทอล้นโลก จ่อคุมการผลิต ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) กำลังส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั่วโลก อุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ราว 8 – 10% ของอัตราการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก และปล่อยน้ำเสียเกือบ 20% ของปริมาณน้ำเสียทั่วโลก ล่าสุด สหภาพยุโรป (อียู) ออกกฎห้ามทำลายเสื้อผ้าและรองเท้าที่ขายไม่ออก เพื่อลดขยะจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ภาคธุรกิจปรับทิศทางอุตสาหกรรมเปลี่ยนสู่ด้านความยั่งยืน (Sustainability)

สำหรับ Fast Fashion หรือ แฟชั่นหมุนเร็ว WBET888 เป็นอุตสหกรรมสินค้าแฟชั่นที่มาไวไปไว เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ ฯลฯ มุ่งเน้นไปที่การผลิตในปริมาณมากและขายในราคาถูก ขณะที่ผู้ซื้อมีความต้องการซื้อมากๆ แต่ใส่ไม่กี่ครั้งก็ทิ้ง เมื่อแฟชั่นเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กลายเป็นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมา ซึ่งปริมาณการผลิตเสื้อผ้าบนโลกเพิ่มขึ้นหลายเป็นเท่าตัวต่อเนื่อง fast fashion ข้อดี ข้อเสีย เพราะกระแสความนิยมของ Fast Fashion ส่งผลให้เสื้อผ้าเก่าถูกทิ้งกลายเป็นขยะอย่างรวดเร็ว และกำลังเป็นปัญหาใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อมโลก

จากรายงาน After the Binge the Hangover. Insights into the Minds of Clothing Consumers กล่าวว่า การตลาดแบบ Over Demand ทำให้การบริโภค “สินค้าแฟชั่น”  ทั่วโลกนั้นล้นเกิน (Overconsumption) จนกลายเป็นปรากฎการณ์ เพราะพฤติกรรมของคนทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียต่างชอปปิงสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋าและเครื่องประดับต่างๆ เยอะจนเกินไปและผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งซื้อสิ่งของเหล่านี้เกินกว่าความจำเป็น นอกจากนั้นคนรุ่นใหม่ยังนิยมซื้อสินค้าจากช่องทางออนไลน์ที่ยิ่งทำให้การซื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

และไม่เพียงปัญหาขยะสิ่งทอ Fast Fashion ย้อนกลับไปที่กระบวนการผลิตก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามข้อมูลระบุว่าอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีสัดส่วนการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 8 – 10% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก และปล่อยน้ำเสียเกือบ 20% ของปริมาณน้ำเสียทั่วโลก พร้อมสารเคมีมากมาย โดยรวมแล้วอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าใช้พลังงานมากกว่าอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางเรือ

ผลกระทบจากอุตสาหกรรม Fast Fashion ได้สร้างขยะจำนวนมหาศาลในแต่ละปี เป็นประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกตื่นตัวมีการรณรงค์ผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเมื่อนต้นเดือน ส.ค. 2566 มีรายงานคณะผู้เจรจาของรัฐสภายุโรปและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union : EU) บรรลุข้อตกลงอนุมัติใช้กฎการห้ามทำลายเสื้อผ้าและรองเท้าที่ขายไม่ออก

โดยกฎดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดขยะจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ซึ่งมุ่งเป้าปราบปรามผลกระทบจาก fast fashion หรือเครื่องแต่งกายราคาถูกที่มีวงจรการใช้งานสั้น และสร้างขยะสิ่งทอจำนวนมาก รวมทั้งจะสร้างบรรทัดฐานแก่บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีอายุการใช้งานนานขึ้น fast fashion ผลกระทบ นำกลับไปใช้ซ้ำได้บ่อยขึ้น รวมทั้ง ง่ายต่อการซ่อมแซมและรีไซเคิล เพื่อลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ อาทิ เชื้อเพลิง น้ำ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี รัฐสภายุโรปมีความพยายามจัดการสถานการณ์ fast fashion เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงสุดเป็นอันดับ 4 รองจากอุตสาหกรรมอาหาร ที่อยู่อาศัย และการขนส่ง

สำหรับข้อตกลงอนุมัติใช้กฎการห้ามทำลายเสื้อผ้าและรองเท้าที่ขายไม่ออก จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับธุรกิจขนาดใหญ่ใน 2 ปีข้างหน้า และบังคับใช้กับธุรกิจขนาดกลางในอีก 6 ปี แต่มีข้อยกเว้น ไม่บังคับกับบริษัทขนาดเล็ก

ฟาสต์แฟชั่น สำหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบจากกระแสฟาสต์แฟชั่นเช่นเดียวกัน

จบยุค Fast Fashion สู่เทรนด์ยั่งยืนที่ผู้ผลิตต้องตามให้ทัน”  เผยแพร่ผ่าน  เว็บไซต์ bangkokbanksme.com  ระบุว่า 20 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทำรายได้อันดับต้นๆ ของประเทศ

ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับวงการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มคือ การจบลงของเสื้อผ้าประเภท Fast Fashion และมุ่งสู่มิติด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability มากขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเน้นคุณค่าการใช้งาน อาทิ กระแสการใช้เสื้อผ้ามือสอง กระแสของเสื้อผ้าที่มีกรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตั้งแต่ผลิต ทำเส้นใย ถักทอ ฟอกย้อม แรงงานตัดเย็บ และการขนส่ง ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะในต่างประเทศให้ความสำคัญมากขึ้น

กลับมามองที่ภาคธุรกิจ ต้องปรับเทรนด์สู่ความยั่งยืนเป็นโจทย์ที่ผู้ผลิตเสื้อผ้ายุคนี้ต้องตามให้ทัน fast fashion ข้อดี ข้อเสีย ซึ่งกลุ่มแฟชั่นได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ถูกมองว่ามีกระบวนการผลิตที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ผู้บริโภคและทุกภาคส่วนใน Supply Chain ตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการปรับเข้าสู่การเป็น Sustainable

แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่แหล่งอุปทานนำเข้าสำคัญในกลุ่มสินค้าแฟชั่น ซึ่งปัจจุบันฐานการผลิตส่วนใหญ่มาจาก  เวียดนาม กัมพูชา บังลาเทศ จีน อินเดีย และเม็กซิโก 

ที่โรงงานผลิตในลักษณะ Mass Production และไม่ใช่ Sustainable Fashion ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสการเติบโตของ Sustainable Fashion สร้างตัวเองเป็นแหล่งอุปทานที่เป็น Niche market ของสินค้ากลุ่มนี้ได้ โดยการผลักดันนักออกแบบและผู้ผลิตสินค้า Sustainable Fashion และผู้ผลิตรายย่อยอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ผ่าน Social Media หรือ Virtual Fashion Show ในการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในตลาดโลก

และแม้ว่าผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าแฟชั่นโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม fast fashion ผลกระทบ จะสูญเสียตลาดให้กับประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนค่าแรงงานการผลิตต่ำกว่า แต่หากมองในมุมของการส่งออก สินค้า วัตถุดิบในการผลิตสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ยังถือว่ามีโอกาสในการขยายตลาดค่อนข้างมากในอนาคต

นอกจากไทยจะสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ จำพวกขยะพลาสติกที่จะนำมาใช้แปรรูปได้จำนวนมากในระดับราคาถูกแล้ว ไทยยังมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการแปรรูปขยะรีไซเคิลที่ทันสมัย ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมการแปรรูปได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งวัตถุดิบที่สามารถผลิตได้ น่าจะเหมาะกับการทำตลาดกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นรวดเร็ว ที่มักจะเน้นเลือกใช้วัตถุดิบการผลิตสินค้าที่มีราคาต่ำ ซึ่งผู้ประกอบการในตลาดมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคตด้วย

รวมถึงส่งเสริมช่องทางการขายผ่านตลาดออนไลน์โดยตรงสู่ผู้บริโภคในต่างประเทศ การสนับสนุนการสร้างนักออกแบบและผู้ผลิตรายใหม่ที่เน้นการผลิต Sustainable Fashion ทั้งแบบภายใต้แบรนด์ตนเองและที่รับจ้างผลิตให้แก่แบรนด์ต่างๆ ในตลาดสหรัฐฯ และตลาดโลก

สำหรับความพร้อมของประเทศไทยที่จะเข้าสู่ตลาดสินค้า Sustainable Fashion สำหรับแบรนด์ไทยที่เป็นที่ยอมรับ อาทิ แบรนด์ Renim Project, แบรนด์ Repleat, แบรนด์ Rubber Killer, แบรนด์ SackItem และแบรนด์ Dry Clean Only ทั้งมีกลุ่มผู้ผลิตรายย่อยหลายรายในระดับภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีความสามารถในการผลิตสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติที่น่าสนใจอีกมาก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Search

Popular Posts

  • แคลเซียม ควรรู้กับการทานแคลเซียมเสริม
    แคลเซียม ควรรู้กับการทานแคลเซียมเสริม

    แคลเซียม เป็นสารอาหารที่ใกล้ตัวเรา รู้กันดีว่ามีส่วนเสริมสร้างร่างกาย และกระดูกให้แข็งแรง ฟาสต์แฟชั่น แต่ถึงจะได้ยินในโฆษณา แทบทุกวัน ทั้งในอาหาร เครื่องดื่ม แล้วยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมายที่แนะนำให้ทาน บางคนก็ยังไม่ทราบว่าจำเป็นต้องทางแคลเซียมไหม กินมากอันตรายไหม ต้องทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงกระดูกไหม มาดูบทความทางวิชาการเกี่ยวกับ เรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับแคลเซียมกัน แคลเซียมคืออะไร แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งในร่างกาย คิดเป็น 1.9% ของน้ำหนักร่างกาย โดยจากปริมาณแคลเซียมทั้งหมดประมาณร้อยละ 98-99 อยู่ในกระดูกและอยู่รูปของไฮดรอกซีอะพาไทต์ (hydroxyapatite) ส่วนอีกประมาณ 1% จะอยู่ที่ฟันและเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีเพียง 0.1% เท่านั้นที่อยู่ในเลือดและสารน้ำนอกเซลล์ (Extracellular fluid: ECF) โดยจะมีบางส่วนที่จับกับโปรตีนในเลือด หน้าที่หลักของแคลเซียมคือการรักษาความแข็งแรงของกระดูก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ การหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด เราได้รับแคลเซียมจากการรับประทานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นจากอาหารหรือจากแคลเซียมเม็ดเสริมก็ตาม ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ที่ลำไส้เล็กได้ประมาณร้อยละ 30 เพื่อเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้แคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือดได้จากการสลายของกระดูกอีกด้วย แคลเซียมถูกขับออกที่ทางเดินอาหาร ขับออกทางไต หรือผ่านผิวหนัง และสามารถเข้าสู่กระดูกเพื่อเป็นโครงร่างของกระดูกได้ แคลเซียมยังสามารถแพร่เข้าออกในและนอกเซลล์รวมถึงระหว่างเซลล์เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ได้ เราต้องได้รับแคลเซียมปริมาณเท่าไรต่อหนึ่งวัน โดยปกติแล้วเราจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในแต่ละวันแตกต่างออกไปตามอายุ จากปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ.…

  • หมี่กะทิ น้ำราดกลมกล่อม เคี่ยวข้น อร่อยเกินห้ามใจ
    หมี่กะทิ น้ำราดกลมกล่อม เคี่ยวข้น อร่อยเกินห้ามใจ

    หมี่กะทิ อาหารเมนูเส้น พร้อมกะทิมัน ๆ ที่มาพร้อมส่วนผสมพริกแกงแสนอร่อย เป็นสูตร หมี่กะทิโบราณ ที่น่าสนใจ ฟาสต์แฟชั่น อยากให้ลองฝึกทำ หมี่ กะทิ มีหลายสูตรด้วยกัน โดยความอร่อยของกับข้าวจานนี้ อยู่ตรงเส้นที่ลวก ต้องนุ่มไม่เละหรือแข็ง อีกทั้งน้ำราดต้องหอม กลมกล่อมและมัน ความอร่อยนั้นไม่แพ้ หมี่กะทิใต้ วัตถุดิบ หมี่กะทิสูตรเด็ดแสนอร่อย ที่แอดมินกำลังจะนำมาเสนอให้กับผู้สนใจ เป็นสูตรที่มั่นใจแล้วว่า ทำออกมาแล้วอร่อยเหมือนกับ หมี่กะทิภาคใต้ หรือปรับให้เข้ากับนิสัยการกินของคนในแต่ละภาคได้ เพราะฉะนั้น มาดูลิสต์รายชื่อส่วนผสมดังต่อไปนี้ วิธีทำ หมี่กะทิ ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมหมี่กะทิ เริ่มจากน้ำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เราซื้อมาไปลวกให้สุกและนิ่ม จากนั้นพักเพื่อสะเด็ดน้ำโดยไม่ลืมผสมน้ำมันพืชลงไปด้วยเพื่อช่วยทำให้เส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ติดกัน ขั้นตอนที่ 2 เทน้ำมันลงในกะทะ ใช้ไฟกลางตามด้วยหมูสับ รวนให้เนื้อหมูสุก จากนั้น ใส่พริกแกงลงไป ขั้นตอนนี้ต้องคลุกให้เครื่องแกงและหมูสับเข้ากันดี ถึงจะตามด้วยกะทิ เทลงในส่วนผสมดังกล่าวได้เลย ขั้นตอนที่ 3 หมี่กะทิโบราณ วิธีทำ ขั้นตอนนี้ขอเพียงรอกะทิแตกมันเท่านั้น W69TH แล้วถึงค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เต้าเจี้ยว ถั่วลิสง และไข่ไก่ ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง ขั้นตอนที่ 4 นำหมี่กะทิจัดใส่จาน กินคู่กับหัวปลีและถั่วงอก เวลารับประทาน ให้นำน้ำราดหมี่กะทิที่เตรียมไว้ราดลงบนเส้นหมี่ได้เลย หากอยากต้องการเพิ่มเติมในส่วนของรสเปรี้ยว เติมมะนาวที่เราฝานเตรียมไว้หรือจะบีบน้ำมะนาวตามชอบ…

  • รู้จักเรื่องราว เมล่อนญี่ปุ่น และประโยชน์ การเลือกผลเมล่อน
    รู้จักเรื่องราว เมล่อนญี่ปุ่น และประโยชน์ การเลือกผลเมล่อน

    รู้จักเรื่องราว เมล่อนญี่ปุ่น เห็นรูปลักษณ์กลมมีลายตาข่าย เห็นชัดเจนอยู่ทั่วผลนั้น ดูไกลๆ อาจคิดว่าเป็นผลเคตาลูปที่ทุกท่าน เคยทานกันแต่พอมองใกล้ๆ แล้วจะเห็นชัดเลยว่ามันคือผลเมล่อน ของดีจากญุี่ปุ่น ที่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย เมล่อนจัดเป็นพืชอยู่ในตระกูลแตง คล้ายแคนตาลูป แต่มีความแตกต่างกันที่รสชาติ ความหอม กลิ่น เนื้อ และลวดลานที่สวยงามของผล ขึ้นกับสายพันธุ์ชนิดต่างๆ ซึ่งในเมืองไทยเรานิยมเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความหวาน หอม อร่อย และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รู้จักเรื่องราว เมล่อนญี่ปุ่น ที่มาที่ไปในฤดูร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น หรือ ช่วงเดือนมิถุนายน ชาวญุี่ปุ่นจะนิยมทานผลไม้ที่มีความหวานฉ่ำน้ำเพื่อเป็นการคล้ายร้อนและยังเป็นการเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ เมล่อนญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่หวานฉ่ำ อีกทั้งยังมีความหอมหวานจึงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ เมล่อนคุณภาพสูงเพราะเกษตรกรชาวญี่ปุ่นปลูกเมล่อนในเรือนกระจกและมีการควบคุมการเพาะปลูกเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลเมล่อนญี่มีความสมบรูณ์มากที่สุด  เมื่อเมล่อนญี่ปุ่นได้ข้ามน้ำจ้ามทะเลมาเมืองไทยของเรานั้น เจ้าเมล่อนเหล่านี้ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ไม่ต่างกัน เจ้าเมล่อนจากแดนปลาดิบนั้นจะชอบอากาศแห้ง ชอบดินที่มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี เพื่อจะให้เจ้าเมล่อนมีคุณภาพดี ฟาสต์แฟชั่น ที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง จึงเป็นต้องพึ่งพาขั้นตอนและวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้องและมีการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดตลอดระยะการปลูกกว่า 90 วัน การดูแลเมล่อนญี่ปุ่นเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีในหมู่ผู้ปลูกเมล่อนว่า เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีความไวต่อปริมาณน้ำและธาตุอาหารที่ให้ซึ่งส่งผลต้อความสมบูรณ์ของต้นเมล่อนและผลเมล่อนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้ผลเมล่อนญี่ปุ่นที่มีความสมบรูณ์ อร่อยเป็นที่ชื่นชอบของผู้ทานแล้วนั้น เกษตรกรต้องให้น้ำและธาคอาหารต้นเมล่อนถึง 5 ครั้งต่อวัน อีกทั้งยังต้องคอยสังเกตการเติมโต ในทุกขันตอนและค่อยป้องกับกำจัดเมล็ดศัตรูพืช ที่เข้ามารอบกวนต้นเมล่อนเนื่องจากความหวานหอมของเมล่อนอีกด้วย…

Tags

ข้อดีของโพรไบโอติก (1) ค่าจอดรถสนามบิน (1) จอดรถฟรี (1) จอดรถสนามบินฟรี (1) ซาชิมิที่ยอดเยี่ยม (1) ซาชิมิ หรือ ซาซิมิ (1) ซาซิมิ ภาษาอังกฤษ (1) ซาซิมิ แปลว่า (1) ดื่มน้ำ 1 แก้ว (1) ดื่มน้ำตอนเช้าหลังตื่นนอน (1) ดื่มน้ำตามหลักโภชนาการ (1) ดื่มน้ำที่เหมาะสม (1) ประโยชน์ของเมล่อน (1) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก (1) ผลไม้ (1) พรีไบโอติก (Prebiotic) (1) ฟาสต์ แฟชั่น คืออะไร (1) ฟาสต์แฟชั่น ปัญหา (1) สนามบินดอนเมือง (1) สีแมวถูกโฉลก ตามวันเกิด (1) หมี่กะทิ (1) เนื้อวัว (1) เมล่อน (1) เมล่อนญี่ปุ่น (1) แคลเซียม (1) แฟชั่นที่เกิดปัญหาขยะ (1) แมวกวัก ความเชื่อ (1) แมวกวัก วางตรงไหน (1) แมวนําโชค ไทย (1) โพรไบโอติกช่วยให้ย่อยอาหารได้ (1) โพรไบโอติกมีประโยชน์อย่างไร (1)