![](https://fashionthstyle.com/wp-content/uploads/2024/01/8888-1-1024x427.jpg)
แคลเซียม เป็นสารอาหารที่ใกล้ตัวเรา รู้กันดีว่ามีส่วนเสริมสร้างร่างกาย และกระดูกให้แข็งแรง ฟาสต์แฟชั่น แต่ถึงจะได้ยินในโฆษณา แทบทุกวัน ทั้งในอาหาร เครื่องดื่ม แล้วยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมายที่แนะนำให้ทาน บางคนก็ยังไม่ทราบว่าจำเป็นต้องทางแคลเซียมไหม กินมากอันตรายไหม ต้องทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงกระดูกไหม มาดูบทความทางวิชาการเกี่ยวกับ เรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับแคลเซียมกัน
แคลเซียมคืออะไร แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งในร่างกาย คิดเป็น 1.9% ของน้ำหนักร่างกาย โดยจากปริมาณแคลเซียมทั้งหมดประมาณร้อยละ 98-99 อยู่ในกระดูกและอยู่รูปของไฮดรอกซีอะพาไทต์ (hydroxyapatite) ส่วนอีกประมาณ 1% จะอยู่ที่ฟันและเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีเพียง 0.1% เท่านั้นที่อยู่ในเลือดและสารน้ำนอกเซลล์ (Extracellular fluid: ECF) โดยจะมีบางส่วนที่จับกับโปรตีนในเลือด หน้าที่หลักของแคลเซียมคือการรักษาความแข็งแรงของกระดูก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ การหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด
เราได้รับแคลเซียมจากการรับประทานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นจากอาหารหรือจากแคลเซียมเม็ดเสริมก็ตาม ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ที่ลำไส้เล็กได้ประมาณร้อยละ 30 เพื่อเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้แคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือดได้จากการสลายของกระดูกอีกด้วย แคลเซียมถูกขับออกที่ทางเดินอาหาร ขับออกทางไต หรือผ่านผิวหนัง และสามารถเข้าสู่กระดูกเพื่อเป็นโครงร่างของกระดูกได้ แคลเซียมยังสามารถแพร่เข้าออกในและนอกเซลล์รวมถึงระหว่างเซลล์เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ได้
เราต้องได้รับแคลเซียมปริมาณเท่าไรต่อหนึ่งวัน โดยปกติแล้วเราจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในแต่ละวันแตกต่างออกไปตามอายุ จากปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563 ปริมาณแคลเซียมที่คนไทยควรได้รับเป็นดังต่อไปนี้
- < 6 เดือน 210 มิลลิกรัม
- 6-12 เดือน 260 มิลลิกรัม
- 1-3 ปี 500 มิลลิกรัม
- 4-8 ปี 800 มิลลิกรัม
- 9-18 ปี 1,000 มิลลิกรัม
- 19-50 ปี 800 มิลลิกรัม
- > 50 ปี 1,000 มิลลิกรัม
แคลเซียม กับโรคกระดูกพรุน ช่วยได้อย่างไร
ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวไว้ว่า โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือโรคกระดูกที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายที่ส่งผลให้กระดูกแตกหักและเปราะง่าย โดยร่างกายมีมวลกระดูกต่ำ และมีการเสื่อมของโครงสร้างระดับจุลภาคของกระดูก เนื่องจากแคลเซียม วิตามินดีและวิตามินเค เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการสร้างและซ่อมแซมกระดูก การป้องกันโรคกระดูกพรุนในส่วนของแคลเซียมนั้นมีคำแนะนำให้รับประทานจากอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันมากกว่าการรับประทานแคลเซียมเสริม
สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน ควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอคู่กับวิตามินดี เนื่องจากมีหลักฐานว่าแคลเซียมและวิตามินดีสามารถป้องกันกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนได้ โดยมีคำแนะนำว่าควรได้รับแคลเซียมผ่านทางการรับประทานอาหารเป็นหลักเนื่องจากปลอดภัย ราคาไม่แพง หากได้รับจากอาหารไม่เพียงพอควรพิจารณาการกินแคลเซียมเม็ดเพิ่มเติม ผู้ชายอายุ 50-70 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800-1000 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้หญิงอายุมากกว่า 51 ปีขึ้นไปและผู้ชายที่อายุมากกว่า 71 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม 1000 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว การเกิดโรคกระดูกพรุนเป็นสิ่งที่เกิดตามมาได้บ่อย สล็อตค่ายใหญ่ เว็บตรง โดยผู้หญิงที่หมดประจำเดือน 1 ใน 2 คนจะมีโอกาสกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน มีคำแนะนำว่าสำหรับผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้วที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก โดยเฉพาะในคนที่เคยกระดูกหักมาก่อนหน้านี้ ควรได้รับการรักษาด้วยยาที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูกหรือลดการสลายกระดูก และในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนที่มีมวลกระดูกต่ำ (low bone mass density) ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน นอกจากควรได้รับการรักษาด้วยยาแล้ว ควรได้รับแคลเซียมและวิตามินดีเสริมด้วย
Leave a Reply